![]() |
||||||||
นักวิจัย
ผศ.ดร.สุรชาติ สินวรณ์
ผศ.ดร.ณัฐบดี วิริยาวัฒน์ |
||||||||
สถานภาพสิทธิบัตร
อยู่ระหว่างยื่นคำขอ
|
||||||||
ที่มา ข้อมูลเบื้องต้น ความสำคัญของปัญหา
ปุ๋ยนับว่ามีความจำเป็นต่อการเติบโตของมันสำปะหลังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปุ๋ยเคมี ซึ่งให้ธาตุอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของมันสำปะหลัง เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพในอัตราที่เหมาะสม สามารถเพิ่มผลผลิตให้กับมันสำปะหลังได้ แต่ปัญหาสำคัญของการใส่ปุ๋ยเคมีคือ การสูญเสียธาตุอาหารหลักในปุ๋ยเมื่อใส่ลงในดิน เนื่องจากปุ๋ยเคมีละลายเร็ว สำหรับธาตุไนโตรเจน (N) นั้น ละลายน้ำได้ง่าย เมื่อใส่ลงในดินจะเคลื่อนที่ได้เร็วมาก ดังนั้นถ้ารากพืชดูดไม่ทัน จะถูกน้ำพัดพาไปจากชั้นดินอย่างรวดเร็ว ส่วนธาตุฟอสฟอรัส (P) สามารถทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุในดิน กลายเป็นสารประกอบที่ละลายน้ำยาก และธาตุโพแทสเซียม (K) แม้จะละลายน้ำได้ง่าย แต่เนื่องจากมีประจุบวกจึงถูกยึดอยู่ที่ผิวอนุภาคดินเหนียว ทำให้พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้ยาก ซึ่งปัญหานี้ส่งผลให้ผลผลิตมันสำปะหลังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เกษตรกรจึงต้องใส่ปุ๋ยเพิ่ม ส่งผลให้ดินเสื่อมสภาพจากการใช้ปุ๋ยที่มากเกินความจำเป็น และทำให้ปริมาณการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศสูง ต้นทุนค่าใช้จ่ายของเกษตรกรจึงสูงขึ้น
|
||||||||
สรุปและจุดเด่นเทคโนโลยี
ปุ๋ยเจลบีดควบคุมการปลดปล่อยธาตุอาหาร N P K เป็นปุ๋ยที่เคลือบด้วยพอลิแซคคาไลด์จากธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติสลายตัวทางชีวภาพ และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม สามารถปลดปล่อยธาตุอาหาร N P K ออกมาอย่างช้า ๆ ภายใน 45 วัน โดยใช้หลักการแพร่ (Diffusion control release) ทำให้มันสำปะหลังได้รับธาตุอาหารที่เพียงพอ ส่งผลให้ผลผลิตมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในเชิงคุณภาพ ได้แก่ ร้อยละเปอร์เซ็นต์แป้งต่อหัว คุณภาพของท่อนพันธุ์ และเชิงปริมาณได้แก่ น้ำหนักหัวสด ลดปัญหาการใช้ปุ๋ยที่มากเกินความจำเป็น
|
||||||||
ความร่วมมือที่เสาะหา
เสาะหาผู้รับอนุญาตใช้สิทธิ
|
||||||||
สถานภาพของผลงานวิจัย
ต้นแบบระดับห้องปฏิบัติการได้ถูกทดสอบในสภาวะจำลอง
|
||||||||
![]() |
||||||||
เงื่อนไข
เทคโนโลยีต่อรองราคา
|
||||||||
สนใจสอบถามข้อมูล
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต | |
|||||||
|