คุณปิยะดา สุวรรณดิษฐากุล
คุณสุริยกมล มณฑา และ
คุณฉวีวรรณ คงแก้ว
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

คำขอสิทธิบัตร เลขที่คำขอ 1601004757 ยื่นคำขอวันที่ 19 สิงหาคม 2559
ความลับทางการค้า

น้ำยางสดที่กรีดได้จากต้นยางจะคงสภาพความเป็นน้ำยางอยู่ได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง เนื่องจากแบคทีเรียที่ปะปนในน้ำยาง ส่งผลให้เกิดการบูดเน่า และทำให้ค่า pH ของน้ำยางสดลดลง น้ำยางสดจึงสูญเสียเสถียรภาพ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยางสดเกิดการเสียเสถียรภาพ จึงมีการเติมสารป้องกันการจับตัวหรือสารรักษาสภาพ โดยปัจจุบันสารเคมีที่นิยมใช้ คือ การใช้แอมโมเนียในปริมาณร้อยละ 0.3-0.4 ร่วมกับเตตระเมทิลไทยูแรมไดซัลไฟด์ ปริมาณร้อยละ 0.025 และซิงค์ออกไซด์ ในปริมาณร้อยละ 0.025 น้ำยางสดที่ได้รับการรักษาสภาพด้วยสารเคมีนี้ จะนำไปแปรรูปเป็นน้ำยางข้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม สารรักษาสภาพน้ำยางมีข้อเสียหลายประการ เช่น แอมโมเนียมีกลิ่นฉุนรุนแรงและก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ และต้องเสียค่าบำรุงรักษาเครื่องมือจากการกัดกร่อนของแอมโมเนีย ในขณะที่เตตระเมทิลไทยูแรมไดซัลไฟด์ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง ซิงค์ออกไซด์มีส่วนประกอบของโลหะหนัก และมีปัญหาหลังการผสมที่ทำให้มีความหนืดสูง ส่งผลให้ความเสถียรน้ำยางลดลง ปัจจุบันจึงมีการพัฒนากระบวนการ/สารรักษาสภาพน้ำยาง เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น เพื่อลดการใช้สารดังกล่าวพร้อมการเพิ่มเสถียรภาพไปด้วย

• มีปริมาณแอมโมเนียเพียงร้อยละ 0.10-0.15 (ช่วยลดปัญหามลพิษจากไอระเหยแอมโมเนีย)
• มีเสถียรภาพเชิงกลและเสถียรภาพทางความร้อนสูง (ทนอุณหภูมิได้ถึง 160 องศาเซลเซียส)
• นำไปใช้งานได้ทันทีภายใน 2 วัน นับจากวันที่ผลิต (ไม่ต้องบ่มน้ำยางในถังพัก 21 วัน เหมือนน้ำยางพาราข้นทางการค้า)
• มีอายุการเก็บรักษานานกว่า 6 เดือน
• นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติก Green ABS สำหรับทำหมวกกันน็อค, Para Asphalt Cement สำหรับทำพื้นถนนยางมะตอย/ซ่อมผิวจราจร และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เช่น หมอนโฟมยางพารา และถุงมือยางธรรมชาติ เป็นต้น

เสาะหาผู้รับอนุญาตใช้สิทธิ

ต้นแบบระดับ pilot scale ได้ถูกทดสอบในสภาวะทำงานจริง

เทคโนโลยีต่อรองราคา