![]() |
||||||||
นักวิจัย
ผศ.พัชราภรณ์ ทิพยวัฒน์ และคณะ
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
||||||||
สถานภาพสิทธิบัตร
คำขออนุสิทธิบัตร เลขที่คำขอ 2103001849 ยื่นคำขอวันที่ 30 มิถุนายน 2564
|
||||||||
ที่มา ข้อมูลเบื้องต้น ความสำคัญของปัญหา
การตรวจวัดปริมาณเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส ในอุตสาหกรรมวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารจะใช้วิธีมาตรฐานดั้งเดิมซึ่งใช้เวลา 5-7 วันในการวิเคราะห์ และจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ผล นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน มีข้อจำกัดต่อการตรวจหาเชื้อจากสิ่งส่งตรวจบางชนิดจึงไม่สะดวกในการใช้เพื่อตรวจคัดกรอง และต้องทำในห้องปฏิบัติการ
ในปัจจุบันจึงมีการพัฒนาชุดตรวจวัดปริมาณเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส ที่สามารถตรวจได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว มีความจำเพาะสูง แต่มีข้อเสียคือการเตรียมตัวอย่างมีความซับซ้อน ใช้เครื่องมือราคาแพง และต้องตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ปัจจุบันเทคนิคชุดตรวจแบบแถบสีเป็นเทคนิคที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการใช้งานในเนื่องจากสะดวก แตต้องมีความแม่นยำและมีความจำเพาะ จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น การประดิษฐ์นี้จึงพัฒนาชุดตรวจแบบแถบสีสำหรับตรวจวัดเชื้อลิสทีเรียโมโนไซโตจิเนส โดยใช้อนุภาคนาโนทองติดฉลากกับแอนติบอดีซึ่งจำเพาะกับเชื้อดังกล่าว สามารถตรวจได้ในภาคสนามทำให้สะดวกในการใช้งาน |
||||||||
สรุปและจุดเด่นเทคโนโลยี
- ใช้นวัตกรรมในการตรึงแอนติบอดีบนพื้นผิวอนุภาคนาโนทอง แบบกำหนดทิศทางของแอนติบอดี (Fixed 'end-on' orientation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจวัด
- มีวิธีการใช้งานที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ หรือใช้เครื่องมือในห้องปฏิบัติการ - ใช้เวลาในการอ่านผลทดสอบภายใน 15 นาที หลังจากหยดสารตัวอย่าง - สามารถตรวจวัดเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส ที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 10³ โคโลนีต่อมิลลิลิตร ขึ้นไป - ชุดตรวจดังกล่าวสามารถบ่งบอกระดับความเข้มข้นของเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนสในตัวอย่างได้โดยนำแถบสีแดงที่ปรากฎบนตำแหน่งแถบทดสอบ (Test line) ไปเปรียบเทียบกับแผ่นแสดงระดับสีของปริมาณเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนส |
||||||||
ความร่วมมือที่เสาะหา
เสาะหาผู้รับอนุญาตใช้สิทธิ
|
||||||||
สถานภาพของผลงานวิจัย
ได้ต้นแบบในระดับห้องปฏิบัติการ
|
||||||||
![]() |
||||||||
เงื่อนไข
เทคโนโลยีต่อรองราคา
|
||||||||
สนใจสอบถามข้อมูล
ศูนย์ทรัพย์สินทางปัญญา มหาวิทยาลัยขอนแก่น | |
|||||||
|